Review : Razer Hammerhead Duo

สวัสดีครับพี่น้องชาว FPSThailand.com วันนี้ทางผมได้หูฟังตัวใหม่ถอดด้าม ใหม่ทั้งการออกแบบและสีสัน โดยเจ้าตัวนี้จะมาในชื่อว่า Razer Hammerhead Duo ที่จะเป็นหูฟังแบบ In-ear และอยู่ในซีรีย์ของ Hammerhead ชื่อเดิม แต่เติมชื่อ Duo เข้าไป จะด้วยเหตุผลอะไร ลองมารับชมกันครับผม

โฉมหน้าที่เปลี่ยนไปเยอะมาก ออกแบบมาให้ใส่ได้สบาย และเข้ากับรูปลักษณ์ใบหูของคนส่วนใหญ่

ย้อนความไปก่อนหน้านี้ไม่นานมากนักทาง Razer ได้เคยปล่อยตัวหูฟัง In-ear มาเพื่อตอบโจทย์ทั้งในด้านของการเล่นเกมนอกบ้าน เล่นเกมเครื่องเล่นพกพา (มือถือ) หรือแม้กระทั่งใช้งานในวงการ eSports อย่างกว้างขวาง เช่นการใส่ไว้ด้านใน Earmuff อีกที เพื่อเป็นการตัดเสียงรบกวนจากภายนอก และได้ยินเสียงในการแข่งขันท่ามกลางผู้ชม และเสียงภายในงานได้เป็นอย่างดี

มีจุกยางให้เลือกใน Package ทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกัน คือ เล็ก กลาง และใหญ่่

โดยเจ้าหูฟังซีรีย์นั้นก็คือ Razer Hammerhead นั่นเองครับ โดยมีทั้ง Hammerhead Pro V2 และ Hammerhead ที่ออกมาก่อนหน้านี้นานแล้วนั่นเอง

Hammerhead Pro v2 นั้น ได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเสียงที่มีการปรับปรุงใหม่และออกแบบมาให้เหมาะกับการเล่นเกมโดยเฉพาะ FPS ได้ดีมากๆ ทีเดียว จนทำให้เกมเมอร์ระดับอาชีพหลายๆ คน หรือหลายๆ ทีมเลือกใช้งาน อย่างเช่นโปรเกมเมอร์ฝั่ง CS:GO เป็นต้นครับ

Package ภายในกล่องที่เรียบหรูเช่นเคย
ถอดจุกยางออก จะเห็นหน้าตาของ driver ขับเสียงด้านในชัดเจนครับ

กลับมาเข้าเรื่องเกี่ยวกับเจ้าตัว Razer Hammerhead Duo ตัวนี้ ถือว่าเป็นการพัฒนาต่อยอด และทาง Razer เองก็ยังใช้ชื่อซีรีย์นี้มาทำต่อ นั่นหมายถึงว่ากลุ่มเป้าหมายต่างๆ ยังคงคล้ายๆ แบบเดิม แต่เลือกที่จะสร้างและออกแบบตัวหูฟังใหม่ และเสริมประสิทธิภาพของเสียงเข้าไปด้วย Balanced Armature Driver เข้ามาทำให้เนื้อเสียงในระดับกลาง-แหลม มีความกลมกล่อม และลงตัวมากขึ้น รวมถึงเสียงเบสที่ยังกระชับ แน่นๆ จากตัว Dynamic Driver ในแบบเก่านั่นเอง

ตำแหน่งของ Balanced Armature Driver และ Dynamic Driver ในตัวหูฟังนี้ครับ
ความลงตัวกับการใช้งานบน Smartphone
ของแถมภายใน Package จะมีคู่มือ และ สติ๊กเกอร์

จากที่ได้ลองฟังเนื้อเสียงของเจ้า Hammerhead Duo ตัวนี้ ถือว่าจัดทำออกมาได้ลงตัวเกี่ยวกับความสบายในการใส่ใช้งาน เนื่องด้วยดีไซน์ของตัวหูฟัง ที่ออกแบบมาให้ใส่เข้ากับลักษณะของใบหูคนส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ที่ทำเป็นทรงแท่งธรรมดา มีน้ำหนักที่เบาใส่ใช้งานได้เป็นระยะเวลานาน วัสดุของสายนั้น โดยรวมจะเป็นสายถักขนาดเล็ก และมาเป็นสายหุ้มยางในท่อนบน มี in-line Microphone มาให้พร้อมใช้งานเป็นรีโมตกับ Smartphone ที่รองรับอย่างสมบูรณ์แบบ

ในส่วนของมวลเสียง หลังจากที่ผ่านการเบิร์นทิ้งไว้มาระยะประมาณ 20-30 ชั่วโมง เสียงที่รู้สึกได้คือ ฟิลลิ่งของเสียงจะฟังสบายๆ มากกว่าเดิม เนื้อเสียงจะมีความกลมกล่อมมากขึ้น อย่างเสียงเบสจะมาแบบกระชับ ไม่หึ่งหรือดังจนทำให้เสียอรรถรสในการฟัง เสียงกลางเด่นชัด เสียงแหลมคมใส ในมุมของการเล่นเกม รายละเอียดเสียงมาอย่างชัดเจนในมิติของ Stereo และในส่วนของการฟังเพลง ตอบโจทย์แทบจะทุกแนวการฟังเพลง เสียงดนตรีไม่มั่วหรือตีกันจนแยกไม่ออก โดยรวมแล้วพร้อมใช้งานทั้งในด้านของ Life Style และ Gaming เลยทีเดียวครับ เสียอย่างเดียวทาง Razer ตัดเรื่องของตัวแปลงหูฟังและไมค์ออกไปจาก package นั่นเอง ทำให้ใครที่ต้องการใช้งานไมโครโฟนกับ PC ต้องหาแจ๊คแยกเองครับ นอกซะจากว่าซาวการ์ดของท่านจะเป็นแบบช่องเดียวรวมสองสัญญาณไว้แบบ Smartphone นั่นเอง

จุดเด่น
– มีดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย ใช้สีดำเป็นหลักและมีโลโก้เขียวที่หูฟังตัดเพิ่มความสวยงาม
– น้ำหนักเบา ใส่สบาย ใส่แล้วไม่เจ็บหูเหมือน In-ear ยุคก่อนๆ
– Balanced Armature Driver ทำให้เนื้อเสียงดูกลมกล่อม ใช้งานได้ครบวงจร

จุดสังเกตุ
– ไม่มี Adapter แปลง แยกเสียงสัญญาณ ไมโครโฟนและหูฟังมาให้

คะแนน 9.0/10

ขอบคุณทาง ARC ผู้นำเข้าสินค้า Razer อย่างเป็นทางการที่ส่งสินค้ามาให้ลองกันครับ

TECH SPECS

At a Glance

  • Dual Driver Technology
  • Three Silicone Tip Sizes
  • Aluminum Frame and Braided Cables
  • Inline Control and Mic
  • Analog 3.5 mm Jack

Headphones

  • Frequency response: 20 Hz-20 KHz
  • Impedance: 32Ω ± 15%
  • Sensitivity: 112 ± 3 dB (Max SPL)
  • Input Power: 10 mW/20 mW
  • Drivers: Dynamic + Balanced Armature
  • Connector: 3.5 mm angled jack
  • Cable length: 1.2 m
  • Approx. Weight: 17 g

Microphone

  • Frequency response: 100 Hz -10 kHz
  • Pick Up Pattern: Omni-directional
  • Signal to noise ratio: ≥ 58 dB
  • Sensitivity: -40 ± 3 dB