Sennheiser G4ME Zero


สวัสดีครับพี่น้องชาว FPSThailand.com วันนี้พี่แว่นมีหูฟังจากทาง Sennheiser มารีวิวให้ได้ชมกันครับ โดยเจ้าตัวนี้เป็นโมเดลใหม่ ออกแบบให้มีทั้งหมด 2 สีด้วยกันครับ ในโมเดล G4ME Zero ที่จะมาพร้อม earcup แบบหนังตัดเสียงภายนอกได้ดีทีเดียว

 

Image
Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Technical Spec

COLOR: white, black
WEARING STYLE: Headband
IMPEDANCE Headphones: 50 Ω
CONNECTOR: 2 x 3.5 mm for desktop/laptop
FREQUENCY RESPONSE (MICROPHONE) Microphone: 50 Hz – 16,000 Hz
FREQUENCY RESPONSE (HEADPHONES) Headphones: 10 Hz – 26.000 Hz
SOUND PRESSURE LEVEL (SPL) Headphones: 108 dB
THD, TOTAL HARMONIC DISTORTION Headphones: < 0.1%
EAR COUPLING Headphones: around-the-ear, closed acoustic design
CABLE LENGTH 3 m (PC/Mac) & 1.2 m (Console)
WEIGHT 312 g
PICK-UP PATTERN Microphone: Noise Cancelling
SENSITIVITY Microphone: -38 dBV at 94 dBSPL

หนึ่งในเพดานหูฟังของเกมเมอร์จากค่าย Sennheiser ที่จัดทำออกมาเป็นซีรีย์ใหม่เปลี่ยนจากตัว PC ต่างๆ มาเป็น G4ME อย่างเต็มตัวครับ ก่อนหน้านี้พี่แว่นเคยรีวิวไปในรุ่น G4ME One ที่เป็นแบบ Open Dynamic และ Ear Cup ที่เป็นกำมะหยี่นั่นเองครับ แต่ตัวนี้จะตรงกันข้ามหมด ก็คือเป็นแบบ closed acoustic design (แบบปิด) และมี Earcup เป็นหนัง ซึ่งก็คือรุ่น G4ME Zero ตัวนี้แหละครับ

เบื้องต้น Sennheiser G4ME Zero ได้จัดทำออกมาทั้งหมด สองสีด้วยกันคือ ดำ-แดง , ขาว-แดง ซึ่งดูจากชื่อรุ่นแล้วก็ไม่ต้องบอกว่าเเกิดมาเพื่อเกมเลยแหละครับ จุดที่โดดเด่นของ Zero คือ มีซอฟเคสแถมมาให้ด้วยนั่นเอง เพื่อความสะดวกในการพกพาครับ

แนวเสียงของ G4ME Zero ตัวนี้ พี่แว่นเบิร์นทิ้งไว้หลายสิบชั่วโมงอยู่ครับ โดยแนวเสียงที่ได้มาคือ เสียงกลางเด่นมากครับ เด่นแบบทิ่มออกมาเลยก็ว่าได้ ถ้าเน้นเรื่องเล่นเกม โดยเฉพาะเกมแนว FPS หรือที่ต้องฟังรายละเอียดเสียงเยอะๆ ถือว่าเสียงแนวนี้จะตอบโจทย์มากๆ เพราะจะได้ยินรายละเอียดเสียงครบถ้วน เรื่องแยกแยะทิศทางนี่หายห่วงครับ ด้วยโครงสร้างการวางทิศทางของดอกลำโพง เสียงจะมีมิติมากกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว แต่ถ้าเราตัดเลือกการเล่นเกมออกไปก่อน มาว่ากันด้วยคุณภาพเสียงสำหรับการฟังเพลง หรือว่าไม่นุ่มนวลเท่าไรครับ จุดนี้พี่แว่นยกให้ G4ME One เหนือกว่าด้านการฟังเพลง แต่โดยรวมแล้ว Zero จะเหมาะกับการเล่นเกมมากกว่าด้วยรายละเอียดเสียง และตัดเสียงภายนอกได้ดีเยี่ยม รวมถึงสะดวกต่อการพกพาด้วยการพับเก็บได้และมีเคสสำหรับเก็บตัวหูฟังครับ สำหรับเสียงไมโครโฟน ทดลองฟังได้จากคลิปรีวิวเลยจ้า

รวมๆ แล้วพี่แว่นขอสรุปสั้นๆ ว่าเจ้า Zero นี้จะมีดีที่วัสดุที่เหนือกว่า PC350 SE โดยเฉพาะเรื่อง earcup ที่เป็นหนังคุณภาพสูง และวัสดุโดยรวมแลดูแข็งแรง พับก็บได้ และมีน้ำหนักเบาครับ รวมไปถึง ดีไซน์ที่ดูดีมีมูลค่ากว่ารุ่นอื่นๆ พอสมควรเลยก็ว่าได้ครับผม สำหรับหูฟังราคาติดเพดานของฝั่งเกมเมอร์แบบนี้แล้ว ก็ฝากไว้ในพิจารณาสำหรับคนที่มีกำลังซื้อกันครับ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานดีมีคุณภาพจากทางค่าย Sennheiser เลยครับผม

การรีวิวในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณบริษัท Interplay ที่ส่งมอบสินค้าจากทาง Sennheiser มาให้เราได้รีวิวครับ