Razer Mamba Tournament Edition

 

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image
จุดที่แตกต่างกันของ Razer Mamba รุ่นไร้สาย กับรุ่น Tournament Edition

Image
หน้าตาโดยรวมเมื่อเทียบกับ Mamba รุ่นเก่า (มองจากด้านบนแบบนี้เหมือนเอา Abyssus มาผสมเลยแฮะ

TECH SPECS

  • 16,000 DPI 5G laser sensor
  • Up to 210 inches per second / 50 G acceleration
  • 1,000 Hz Ultrapolling / 1 ms response time
  • On-The-Fly Sensitivity Adjustment
  • Ergonomic right-handed design with textured rubber side grips
  • Chroma lighting with true 16.8 million customizable color options
  • Inter-device color synchronization
  • Nine independently programmable buttons with tilt-click scroll wheel
  • Razer Synapse enabled
  • 2.1 m / 7 ft braided fiber USB cable
  • Approximate size: 128 mm / 5 in (Length) x 70 mm / 2.76 in (Width) x 42.5 mm / 1.67 in (Height)
  • Approximate weight: 133 g / 0.29 lbs (with cable)

    SYSTEM REQUIREMENTS

  • PC or Mac with a free USB port
  • Windows® 10 / Windows® 8 / Windows® 7 / Windows Vista® / Windows® XP (32-bit) / Mac OS X (v10.8-10.10)
  • Internet connection

ก่อนหน้านี้ในซีรีย์ Mamba เราจะได้เห็นกันในรูปแบบของไร้สายเท่านั้น เพราะว่าเค้าออกแบบหน้าตามาเป็นแบบเดียวกับ DeathAdder และยกระดับขึ้นด้วยระบบไร้สายและแพ๊คเกจที่สวยงาม มาในครั้งนี้ Mamba ในปี 2015 มีทั้งแบบ มีสาย และ ไร้สาย ให้เลือกใช้งานกันครับ โดยตัวที่เรารีวิวอยู่นี้ คือรุ่นมีสาย Tournament Edtion ที่ได้รับการออกแบบดีไซน์ในด้านของทรงเมาส์ใหม่เล็กน้อย ทำให้จับได้กระชับมือมากยิ่งขึ้น และมีแสงไฟ LED ในสไตล์ Chroma ตามสไตล์ของ Razer ที่เพิ่มมาอีกสองจุดคือ แนวเส้นซ้าย-ขวา นั่นเองครับ

หากลองเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ ผมได้ลองนำมาเทียบกับ Razer DeathAdder ที่มีทรงคล้ายคลึงกับ Mamba 4G ตัวก่อนหน้านี้นั่นเอง โดยจะเป็นเมาส์ที่ออกแบบมาสำหรับคนถนัดขวา จับแล้วเข้ามือเช่นเคย จุดที่ต่างจะเป็นเรื่องของรูปทรงในแต่ละจุด แต่ละมุมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่ทาง Mamba (2015) ได้ออกแบบมาให้จับได้กระชับและเข้ามือมากยิ่งขึ้น โดยจะลบจุดโค้ง จุดเว้าในรุ่นก่อนหน้าออกไปเยอะพอควรครับ ทำให้เราจับได้ง่าย และไม่เกร็งนิ้วมากเกินไป (บางคนที่หลงรักทรงเก่าอยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับความชอบครับ แนะนำให้ลองสัมผัสทรงจากกล่องก่อน) ส่วนตัวผมเองนั้น รู้สึกได้เลยว่ามันเข้ามือและลงตัวมากกว่าดีไซน์เก่าครับ

ในด้านของประสิทธิภาพการใช้งาน Mamba TE มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ 5G ที่มี DPI ปรับได้ สูงสุด 16,000 DPI และสามารถปรับได้ทีละ 50 DPI นั่นเองครับ หลังจากที่ได้ทดลองเล่นกับตัวเกม CS:GO จัดได้ว่านิ่งและคม เฉียบขาดเช่นเคยครับผม ณ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเซ็นเซอร์ของเค้าคืออะไร ไว้ถ้าได้ข้อมูลมาเมื่อไรจะรีบอัพเดทกันแน่นอน ส่วนในด้านของความรู้สึกเมื่อเทียบกับดีไซน์เก่าแล้ว ส่วนตัวผมเองเวลาควบคุมเป้า หรือสะบัดเมาส์ และการเล็งยิงในจังหวะต่างๆ ลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมพอสมควรเลยครับ จับแล้วถนัดมือมากขึ้นเยอะ และอีกจุดสำคัญที่ได้รับการแก้ไขคือเรื่องของปุ่มปรับ DPI ด้านบน 2 ปุ่ม ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นคำสั่งอื่นๆ ได้ด้วย ถือว่าเป็นการเสริมจุดอ่อนที่ก่อนหน้านี้ ไม่มีปุ่มปรับ DPI นั่นเองครับ

โดยรวมแล้วการกลับมาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการปรับในด้านของการออกแบบดีไซน์มากกว่าครับผม และยังคงความเป็น Mamba ได้ด้วยเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน ส่วนตัวผมคิดว่าการที่เค้าใช้ชื่อว่า Tournament Edition คือทำให้มันไม่ยากลำบากสำหรับคนที่ชอบและนำไปใช้ในการแข่งขันใน Tournament ต่างๆ ด้วยการใส่สายเข้าไป ทำให้หมดกังวลเรื่องสัญญาณและเรื่องของแบตเตอร์รี่ต่างๆ นั่นเอง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมาส์ระดับท๊อปของทาง Razer ที่ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอควรเลยทีเดียวครับ

ขอขอบคุณ บริษัท Ascenti Resources Company โทร: 0-2961-7297
ผู้นำเข้า Razer ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ให้ทาง http://www.FpsThailand.com ได้ลองใช้กันครับ

Glacius หนุ่มน้อยแชมป์โลก PB ปี 2011 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ตอนนี้ผันตัวมาทำงานเกี่ยวกับวงการ eSports แล้ว ทักงานแข่ง งานพากย์ และบทความต่างๆ