Ozone Tri-FX


สวัสดีครับพี่น้องชาว FPSThailand.com วันนี้พี่แว่นมีหูฟังในรูปแบบ In-ear มารีวิวให้ได้ชมกันครับ ในครั้งนี้เป็นคิวของทาง Ozone Gaming ในรุ่น Tri-Fx นั่นเอง ที่จะมีเสน่ห์มากน้อยเพียงใด ต้องไปลองชมกันครับ

Image
Image

Image

Image

Image

Image
Image
Image
Image
Image

TECH SPECS
PC Adapter cable with two 3.5mm jacks included (leght: 10cm)
PTT Function (push-to-talk)
Mic Type: Interference microphone
Operating current: 0.25 ~ 0.4mA, 2.2KΩ
Driver unit: 9mm speaker
Speaker Sensitivity: 95dB (1mW at 1KHZ)
Power Handing: 10mW
Cord Length: 1.2M
3 Interchangeable EQ enhancers
Mic Sensitivity: – 35 ± 2dB
Operating voltage: 2V
Microphone: 10P capacitor and 330Ω resistor
Impedance: 16±15%Ω
Rated Power: 1mW
Frequency Response: 10HZ-20000HZ
Plug: 3.5mm (4PIN)

ในครั้งนี้จะเป็นหูฟัง In-ear จากทางค่าย Ozone Gaming ที่ออกมาในครั้งนี้ เล่นในด้านของเทคนิคการใช้งานพอสมควรครับกับเจ้า Tri-Fx ตัวนี้ ที่มาในธีมสีแดงดำตามสไตล์หลักของ Ozone นั่นเอง โดยเจ้าตัวนี้เลือกใช้วัสดุงานสวยงามดีครับ รวมถึงสามารถเปลี่ยนเพลตด้านหลังของหูฟังได้หลายสี ซึ่งในครั้งแรกนั้น พี่แว่นก็นึกว่ามันปรับใช้ได้ตามชอบในแต่ละสี แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ครับ ตัวเพลตด้านหลังที่ถอดเป็นเกลียวน๊อตออกมาได้นั้น จะแตกต่างกันออกไป ใน 3 รูปแบบ EQ เลยทีเดียว โดยสีแดงสดล้วน จะเป็น Ultra Bass สำหรับคนที่ชอบเสียงเบสแบบแน่นจับใจ, สีเทา จะเป็น Pure Mid เน้นเสียงกลาง และสีดำตัดแดง จะเป็น High Pitch ที่จะเป็นแบบ enhancer เสียงละมุนครับ ใครที่ไม่อยากปรับเปลี่ยนอะไรเยอะ พี่แว่นแนะนำให้ใส่สีดำตัดแดงเนี่ยแหละครับ

โดยรวมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในด้านของวัสดุงานประกอบต่างๆ รวมไปถึงแพ๊คเกจที่จัดทำมานั้น ถือว่าดูดีเลยทีเดียวครับ สำหรับเจ้า Ozone Tri-Fx ตัวนี้ เรียกได้ว่าถ้าวัดกันด้วยการที่แรกพบสบตานั้นก็หล่อเหลาใช้ได้เลยทีเดียว มีกล่องเอาไว้เก็บหูฟังครับ รวมถึงสายแปลงสัญญาณที่เอาไว้ใช้งานกับ PC ได้อีกด้วยครับ นอกจากนั้นแล้วในแพ๊คเกจเองก็ยังมีจุกยางให้เปลี่ยนได้ 3 ขนาด และที่สำคัญพี่แว่นชอบไอเดียที่ทาง Tri-Fx นำมาเล่น คือการเปลี่ยนเพลตของหูฟังให้มีความแตกต่างทางด้าน EQ ทีเห็นผลพอสมควรครับ ตัวพี่แว่นเอง รู้สึกว่าเสียงของเพลตที่เป็นสีดำแดงนั้นนิ่มนวลสุด ไม่ต้องปรับอะไรบ่อยๆ ครับ ยังคงได้สไตล์ของความเป็น In-ear ที่เด่นด้าน กลาง-เบส เป็นหลักนั่นเอง โดยรวมแล้วเล่นเกม และฟังเพลงได้สบายๆ ทั้งสองสไตล์ครับ เหมาะกับคนที่อยากได้หูฟังที่ใช้พกพาไปกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ รวมไปถึงกลับมาเล่นเกมที่บ้านได้เช่นกัน

ขอขอบคุณทางบริษัท SPA ที่ส่งมอบสินค้า Ozone มาให้เราได้รีวิวกันครับ

Glacius หนุ่มน้อยแชมป์โลก PB ปี 2011 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ตอนนี้ผันตัวมาทำงานเกี่ยวกับวงการ eSports แล้ว ทักงานแข่ง งานพากย์ และบทความต่างๆ