สวัสดีครับเพื่อนชาว เกมเมอร์ทุกท่าน ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ หมั่นดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ ดื่มน้ำให้มากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่งั้นอาจกลายเป็นผีลืมหลุมแบบผมได้นะเออเข้าเรื่องดีกว่า วันนี้ผมนาย Gabriel มีโปรดักท์ดีๆ ที่เอาไว้ฟังเพลงมาฝากกันครับนั่นก็คือ
เรามาอ่าน สเป็คคร่าวๆ กันก่อนที่เราจะไปแงะกล่องและคุณสมบัติของมันกันดีกว่า
– ออกแบบ แบบ Closed-Earcup
– ขยับหูฟังได้ (นิดหน่อย)
– หูครอบแบบหนัง ลดเสียงรบกวนได้ระดับหนึ่ง
– หัวแบบ 3.5mm
– ย่านเสียง: 10-30,000 Hz
– กำลังขับ: 32 ohms
– ค่าตอบสนอง (1kHz): 103dB/mW
– ขนาด Driver: 40mm Neodymium Magnet
– สายยาว 1.2m+1.5m
– น้ำหนัก: 210 กรับ
– ประกัน: 1 ปี
– ราคา 2490 บาท
– หาซื้อได้ที่: ตามร้าน Banana IT
ในแพ็คเกจจะประกอบไปด้วย
– ตัวหูฟัง
– หัวแปลง 3.5 เป็น 6.3
– สายต่อสัญญานเพิ่มความยาวอีก 2m
– ถุงใส้หูฟัง
– คู่มือการใช้งาน+ใบรับประกัน
จัดมาให้เราขนาดนี้ถือว่ามีระดับกันเลยทีเดียวล่ะ โดยเฉพาะที่แถมหัวแปลง 6.3mm เพื่อไว้ใช้ใน Studio
และถุงใส่หูฟังเอาไว้พกพาไปฟังที่ไหนๆ ก็ได้ที่เราอยากฟังเพลง ส่วนเรื่องสายที่แถมมาเพิ่มนั้นผมจะเล่าความแจ่มของมัน
ให้ฟังภายหลัง
มาดูที่พระเอกของเรากัน หูฟังเป็นโทน Glossy สีดำและเงิน ตัวหูฟังออกแบบมาแบบ Closed Earcupหนังครอบหัวทำจาก
วัสดุเนื้อดี ฟองน้ำมีความนุ่มมาก………นุ่มจนผมผมชอบจับเอามากดเล่นอยู่บ่อยๆ 555+ ใส่แล้วสบายหัวมากๆ
ก้านหูฟังด้านนอกทำมาจากพลาสติกมีการสกรีนสัญลักษณ์ Creative Aurvana Live อย่างชัดเจน
ส่วนด้านในเป็นแกนอลูมิเนียม ปรับได้ 9ระดับ ด้านบนที่ครอบหัวเป็นหนังรองศรีษะ เพื่อลดการกดจากตัวหูฟัง
ซึ่งก็นิ่มดีครับแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากครับ เหมือนมันเอาไว้รองหัวไม่ได้โดนโครงพลาสติกแค่นั้นเอง ก็ถือว่ากดหัวพอดูเลย
การโมดิฟายหูฟัง ผมไม่ได้ลองกับตัวเองนะครับ แต่เห็นว่าหูฟังรุ่นนี้กลุ่มคนเล่นหูฟังชอบกันมากเพราะมันสามารถโมดิฟาย
ได้หลากหลายมากๆ
มาต่อกันที่ด้านเสียงกันครับ ด้วยการถ่ายทอดเสียงที่กว้างมั่กๆ ทำให้เราได้ยินอะไรต่ออะไรมากกว่าหูฟังปกติทั่วไป
การอธิบายเสียงตรงนี้นั้นถ้าเข้าใจก็เข้าใจ ไม่เข้าใจก็ลองทำความเข้าใจหลังจากนี้ครับ
“เสียงกลาง ออกมาเด่น แต่ไม่กลบย่านอื่นๆ
เสียงเบส นุ่มๆ แต่กระชับ ลงลึกดี แต่อาจจะไม่เต็มเม็ด เป็นลูกๆ
เสียงแหลม ไม่จัดจ้าน ไม่บาดคม ออกนุ่มมากกว่า ฟังเพลงแหลมๆ ได้สบายหูดี”
และด้วยตัวหูฟังที่เป็นแบบ Closed Earcup และหนีบนิดหน่อย
ทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว
จากข้อความข้างต้น อาจจะตีความไปได้เลยว่า เป็นเสียงกลางๆ คือออกได้ทุกย่านได้เป็นธรรมชาติ ไม่มีการเติมแต่งใดๆ
ให้เสียงเพลงที่เราฟังเลย แต่ยังไงก็แล้วแต่ Creative Aurvana Live เสียงมันจะไม่สมบูรณ์แบบ 100% ครับ หูฟังตัวนี้บอกตรงๆ
เลยว่า ต้องการ Amplifier เพื่อช่วยได้ในการขับเสียงให้ถึงขีดสุด จากที่ผมสังเกตุจากการลองฟังมาได้สักระยะ เสียงมันขาด
ความอิ่มไประดับที่ค่อนข้างชัดเลยล่ะ แต่พอฟังผ่านตัว Amplifier เสียงที่ผมได้ยินนี่หลุดออกกะโหลกไปไกลมากๆ ครับ
โดย Amplifierที่ผมมีคือ 5XB Livemix ของ Steelseries ที่ผมมีนานแล้วแต่ใช้มันผ่าน PC ได้เมื่อไม่นานนี้เอง
โง่อยู่ตั้งนานว่ามันใช้กับPC ได้ด้วยโดย 5XB Livemix จะเพิ่มปริมาณเบสให้เยอะขึ้นและย่านเสียงให้สะอาดและเคลียร์ยิ่งขึ้น
ส่วนต่อมาคือการพกพา เนื่องจาก Creative ตั้งใจให้หูฟังตัวนี้สามารถเอาไปฟังได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ช้าแต่….
มันก็ไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ครับ เพราะหูฟังที่มีขนาดค่อนข้างเกือบใหญ่ ใส่นี่หัวโตกันเลยทีเดียว
แต่ถ้าไม่แคร์สายตาชาวบ้านแบบผมนั้น ก็ใส่ฟังไปเลยครับ เมืองนอกทำกันถมเถ
แต่ที่ผมบอกว่ามันไม่เหมาะนั้นคือมันมาจาก “สายสัญญาน” ครับ จากการหาข้อมูลนั้น เขาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า
สายสัญญานของ Creative Aurvana Live มันห่วยบะรมเลย ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ เพราะที่ต้นสายสัญญานที่ตัวหูฟัง
ถ้าเราลองบิดๆ โยกๆ ดู มันมีทีท่าว่าจะหลุดเอาง่ายๆ สายสัญญานก็เล็กถ้าหากใช้ไปแล้วมีการกระชากบ่อยๆ นี่
ก็อาจมีขาดได้ และเราก็ร้องไห้กันล่ะงานนี้ แต่มันก็ไม่ได้ว่าไม่แน่นนะครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยคงทนสักเท่าไหร่แค่นั้นเอง
ฉะนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ควรเลียกเลี่ยงการนำออกไปฟังนอกสถานที่ ควรฟังแต่ในเคหะสถานเท่านั้นครับ
ในการเล่นเกม Creative Aurvana Live ทำออกมาได้ดีครับ ด้วยเพราะไม่มีเสียงปรุงแต่งการได้ฟังเสียงที่ทาง
Sound Engineer พัฒนาใส่ในเกมมาให้ ทำให้เราสามารถเก็บมวลเสียงของเกมเยอะดี ผมลองนำไปเล่นผ่านเกม
Blackfire และ Pointblank เสียงเท้าถือว่าชัดดีครับ โดยเฉพาะ Blackfire ได้ยินเสียงเท้ามาแต่ไกลเลย
ทำให้สามารถระแวดระวังตัวได้เร็วกว่าหูฟังที่ผมมีอย่าง Steelseries 5XB ซะอีก เนื่องจากมันตัดเสียงรบกวนได้มากกว่า
5XB ที่เป็น Full-Size แบบ Open Ear
ข้อสรุปโดยย่อ
ข้อดี
เป็นหูฟัง สำหรับฟังเพลงที่ให้เสียงที่เหมาะสม
ใส่ฟังได้นานไม่รู้สึกเมื่อยหู ไม่หนีบมาก
ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้น่าพึงพอใจ
เป็นหูฟังที่เหมาะแก่การนั่งฟังแบบเอกเขนกในวันสบายๆ
เล่นเกมได้ไม่น้อยหน้าหูฟังแบบเกมมิ่ง
มีถุงให้ ป้องกันฝุ่นและรอยขีดข่วนได้เวลาพกพา และเป็นระเบียบ
ข้อเสีย
ต้องใช้ Amplifier ช่วยในการขับเสียงให้ถึงขีดสุด
สายสัญญานที่ห่วยบะรม ต้องทะนุทนอมให้ดี
พกฟังนอกเคหะไม่ค่อยจะเหมาะนัก เพราะมันไม่ดูไม่หล่อ
มีรอยขีดข่วนได้ง่ายตรงบริเวณ Glossy ของตัวหูฟัง
ด้วยความที่เป็นหนัง ใส่นานๆ ก็ร้อนเหมือนกัน
แรงกดของที่รองหัวของหูฟังมีค่อนข้างมาก ทำให้เมื่อยหัวได้ถ้าใส่นานๆ
