Tt eSports Shock Spin

เจ้า Tt eSPORTS Shock Spin นั้น มาพร้อมย่านรับเสียงที่ 15~20,000Hz ส่วนไมค์อยู่ที่ 100~10,000 Hz และมาในระบบ Analog 2.0 ตัวเชชื่อมต่อเป็น 3.5 mm ครับผม ซึ่ง Series นี้ มีด้วยกันสามสีครับ คือดำ ขาวและแดงครับผม พี่แว่นแกะกล่องออกมาต้องขอชมว่า Tt ทำ Package ออกมาดูใส่ใจดีครับ สวยงามดีครับ เวลาแกะของแล้วมีความสุขดีครับ ต้องค่อยๆทีล่ะนิดเพราะ Package มันดูดีเลยต้องระวังหน่อยครับ

ข้างในก็จะมีตัวหูฟัง ไมค์แยกและก็สาย Controller ครับผม เจ้า Spin เป็นหูฟังที่ไม่มีไมค์ติดที่ตัวหูฟังนะครับผม มันให้มาแบบแยกนะครับ ซึ่งได้ลองไมค์แล้วโดยการหนีบไว้ที่หน้าจอ Monitor ก็สามารถดูดเสียงได้ชัดเจนดีนะครับผม และที่สำคัญ สายค่อนข้างยาวเลยทีเดียวเชียว

ส่วนตัวหูฟังนั้นวัสดุเป็นพลาสติกทั้งลำเลยครับ ยังไม่ค่อยแน่นหนาเท่าไหร่ ที่ครอบหูเป็นกำมะหยี่และครอบหัวเป็นหนังครับ ที่ครอบหัวนั้นมันจะปรับระดับให้เองโดยอัตโนมัตครับ เพราะมันยืดเข้าและออกได้ครับ มาฟังในเรื่องเสียงกันบ้างครับผม แรกเริ่มเดิมทีแล้วเจ้า Spin มี Character เสียงแบบ Flat ครับผม หรือกลางๆนั่นเองครับ ไม่มีด้านไหนเด่นกว่ากันไม่ว่าจะเบสหรือแหลม เลยจัดให้อยู่กลางๆล่ะกันครับ แต่ถ้าหาก Burn แล้วซักระยะนึง เสียงจะเข้าที่เข้าทางมากกว่าเดิมแน่นอนครับผม ซึ่งจุดเด่นของเจ้า Spin นั้นคือเบสจะค่อนข้างออกมาเป็นลูกๆ ไม่ถึงกับลึกมากครับผม แต่ฟังแล้วโอเคกว่าไม่ได้ Burn เป็นกองเลยครับ

รวมๆแล้วเจ้า Tt eSPORTS Shock Spin นั้น ทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยหล่ะครับ ทั้งน้ำหนักที่เบา ย่านเสียงที่ค่อนข้างกว้างและการให้เสียงที่แจ่มใช้ได้เลยครับ แต่วัสดุนั้นยังพลาสติกไปหน่อยครับผม ซึ่งคงแล้วแต่การตัดสินใจของแต่ล่ะคนหล่ะครับ ว่าการใช้งานและความคุ้มค่านั้น ตอบโจทย์ของเราหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ

Specification:
Headphone:
• 50mm Neodymium Magnet Speaker
• Frequency response: 15~20,000Hz
• Impedance: 32 ohms, 1 kHz
• Sensitivity: 95±3 dB SPL/mW, at 1kHz
• Rated Power:40mW
• Maximum Power:100mW

Microphone:
• Sensitivity: -34±3 dBV / Pa@1 kHz
• Frequency: 100~10K Hz
• Direction :Omini-direction

 

Image
Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image

Image


พูดถึงรูปร่างภายนอกโดยรวมก่อนนะครับ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า วัสดุเป็นจุดที่สัมผัสได้เป็นอย่างแรกซึ่งทำจากพลาสติก อาจจะดูไม่ค่อนแน่นหนา คงจะเป็นเพราะต้องการให้เกิดความเบาครับ จึงทำให้ต้องใช้พลาสติกที่เบา แต่ก็ทำออกมาได้ดีครับผม แข็งแรงดีปรับระดับการใช้งานได้ตามรูปทรงของศีรษะทุกขนาด

จุดเด่นๆ ที่เห็นได้ชัดจากการใช้งานเจ้า Spin ตัวนี้เห็นทีจะต้องยกให้ในเรื่องของความใส่สบายครับ ใส่ได้ทั้งวันทั้งคืนก็ไม่รู้สึกรำคาญเลยจริงๆ เพราะว่ามัน “เบา” และ “ไม่หนีบหู” เลยครับผม ใส่สบายมากๆ ที่ครอบหูทำออกมาได้ดี ใหญ่และเป็นกำมะหยี่เลยทำให้ไม่อับด้วยครับ

พูดถึงตัว Microphone นั้นเป็นแบบเหน็บแยกนะครับ ดูดเสียงได้ดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป

บอกตรงๆ ครับว่า ครั้งแรกที่แกะเจ้านี่ออกมาจาก Package แว๊บแรกเลย ผมนึกถึง Steelseries Siberia V1 ครับ เป๊ะๆ เลย ไม่ว่าจะรูปทรง แล้วยิ่งมาดูที่องค์ประกอบ เช่น สายเสียบต่อสองท่อน(แยกกับ Volume Control) และ Microphone แบบเหน็บแยก(ตามรูป) ครับผม มันอดคิดไม่ได้จริงๆสิน่าา

– เจาะจงกันไปเลยสำหรับภายนอก –
– ตัวหูฟังเป็นพลาสติกทั้งตัว
– สายสัญญาณของตัวหูฟัง เป็นสายถักนะครับ คุณภาพดี ไม่พันกันมั่วและทนมาก
– ที่คาดหัวเป็นหนังอ่อนๆ แบบปรับดึงได้เองตามขนาดหัว
– ที่ครอบหูเป็นกำมะหยี่ ทำให้ใส่สบายไม่อึดอัดหู
– สายของหูฟังนั้นแบ่งเป็นสองท่อนครับ เสียบต่อเข้ากับ Volume Control อีกที
– Microphone แยก แบบเหน็บเสื้อ หรือเหน็บสายครับ
– หูฟังเป็นแบบ Open Dynamic ด้านข้างจะเป็นตะแกรง เสียงจะเล็ดลอดออกมาเยอะครับ

++ มาดูด้านคุณภาพของเสียงกันบ้าง ++
จากที่เบิร์นมาจนเหมาะสมแล้ว ก็ได้รับรู้ถึงพลังเสียงที่แท้จริงของเจ้า Spin ตัวนี้ โดยท่านที่ซื้อมาวันแรกๆ อย่าได้ตกใจ ถ้าเสียบฟังแล้วเสียงมันกลางๆ กระป๋องๆ มาก จะทำให้อยากถอดเก็บใส่กล่องแล้ว ลงขายหน้า ซื้อขาย ก็เป็นได้ ผมขอให้ท่านทั้งหลายที่ซื้อมาแล้ว ก็ลองเบิร์นด้วยเพลงที่มี น้ำหนักเสียงทุกๆ ย่านไปซักระยะ โดยเฉพาะ เบส เพื่อรีดพลัง และเรียกเสียงเบสออกจากตัว spin ตัวนี้ครับผม (เพราะอยากจะบอกว่าให้เสียงเบสที่นุ่มนวลเป็นที่น่าพอใจเลยทีเดียว 🙂 )

Character เสียงของ Tt Shock Spin ตัวนี้บอกได้เลยครับว่า เสียงค่อนข้างกว้าง ได้ยินเกือบครบทุกย่าน แต่จะเน้นไปทาง กลาง-แหลม ฟังชัดเจน และเบสแบบ ตุบๆ ตึบๆ มาเป็นลูกๆ แสดงออกมาได้ดีในทุกด้านจริงๆ ครับ ท้ายที่สุดแล้วผมคิดว่า Tt Shock Spin ตัวนี้ เป็นหูฟังที่เหมาะกับการใช้งานในทุกๆ ด้านจริงๆ

**ต้องบอกก่อนนะครับว่าผม Review บ้านๆ กับ Sound On Board chipset SoundMax HD Audio ซึ่งถ้าหลายๆ คนที่มี SoundCard แยกเช่น Audigy หรือ X-Fi นั้น ผมมั่นใจเลยว่าเสียงจะดีขึ้นกว่าที่ผมพูดๆ มาอย่างเห็นได้ชัดครับผม**

= ฟังเพลง =
การให้เสียงจากการฟังเพลงนั้นจะให้คุณภาพเสียงที่ครบอารมณ์ในระดับกลางๆครับ สูง กลาง แหลม เหมาะกับฟังเพลงหลายๆแนว จะได้ยินเสียงสูงและเสียงของนักร้องได้ชัดมากๆ ถ้าใครที่ชอบฟังเสียงร้องน่าจะโดนใจเลยทีเดียว องค์ประกอบอื่นๆ ก็ไม่ตกหล่นครับผม Hiphop Rock ก็ตอบโจทย์ เพราะเบสและการแยกไลน์ที่น่าพึงพอใจ

= ดูหนัง =
ส่วนนี้ทำได้ดีครับ ไม่ว่าจะเป็นเสียงคนพูด รถวิ่ง เสียงระเบิด และเสียงปืน แยกแยะได้ดีมากๆ ไล่ทิศทางได้ดี จะให้เสียงของคนพูดได้ชัดมาก ได้ยินชัดเจนครับผม จะไม่กระหึ่มมาก แต่ก็จิ๊ดจ๊าดพอตัวเลยทีเดียว ดูแล้วมีความสุขครับผม

= เล่นเกม =
ทีเด็ดเลยครับ สำหรับส่วนนี้ ผมว่าเป็นตัวชูโรงได้เลย เพราะว่าได้ยินเสียงเท้า เสียงปืน แยกแยะทิศทางได้ดี เสียงเท้าจากด้านบน ด้านล่าง ทำให้รู้หมดครับว่ามาจากไหน ที่สำคัญคือได้ยินไกลพอสมควร เกมที่ผมคลุกคลีอยู่ปัจจุบันคือ Call of Duty: Modern Warfare 2 และ CS 1.6 นะครับ ซึ่งเป็นที่น่าพอใจมากๆ สำหรับการฟังเสียงตำแหน่งศัตรูครับผม ในบางครั้ง ศัตรูใช้ Perk: Ninja Pro (ทำให้วิ่งแล้วไม่มีเสียงเท้า แต่ก็จะมีอยู่บ้างแต่เบามาก) ยังได้ยินและหันไปดักทางทันครับผม

โดยรวมๆ แล้วผมคิดว่าเป็นหูฟังที่คุ้มค่าคุ้มราคาตัวนึงเลยครับผม แต่จะคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนก็ต้องรอดูราคาเปิดตัวกันเร็วๆ นี้ครับ

ข้อดี
– ลักษณะหน้าตาสวยงาม ทำออกมาได้น่าสนใจดี
– สายสัญญาณเป็นสายถัก ดูแลง่าย ทนทานดี
– สวมใส่สบายมากๆ เพราะน้ำหนักเบา ตัวหูฟังไม่หนีบหูด้วยครับ
– ที่ครอบหูเป็นกำมะหยี่ ใส่แล้วไม่อับ ไม่ร้อน
– คุณภาพเสียงอยู่ในระดับที่เป็นที่น่าพึงพอใจ
– Packaging ทำได้ดีมากๆ สวยงาม ดูไฮโซ
– Microphone ดูดเสียงได้ดี
– เบส ตึบๆ ตาม spec หน้ากล่องมีพ่วงไว้ว่ามี sub ตัวใหญ่ติดตั้งอยู่

ข้อเสีย
– Microphone เหน็บแยก ซึ่งอาจจะทำให้หลายๆคนที่ต้องใช้นั้นเกิดความรำคาญ เพราะมีสองสายทำให้พะรุงพะรังไปหมด จัดการลำบาก