Sennheiser MX980

สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาว fpsthailand อีกครั้งหนึ่งนะครับ จากที่ห่างหายไปนาน และจากกระทู้ลึกลับที่แอบมาปล่อยเมื่อนานมาแล้ว

ก็จะมาเฉลยกันใน ณ ที่นี้นะครับ นั่นคือหูฟังที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” และ “ดี” ที่สุดในโลกของหูฟังประเภท earbud นะครับ sennheiser mx980 นั่นเอง

Sennheiser MX980

Price : ประมาณ 7000-7500 บาท

Product Specification

Headphone

Frequency response: 16-23,000 Hz
Sound pressure level (SPL): 120 dB
Ear coupling: Earbud
Impedance: 16 ohms
Total harmonic distortion (THD): <0.1 percent
Connector: 1/8-inch (3.5mm)
Cable length: 3.9 feet, symmetrical
Weight (without cable): 0.78 ounces

ของแถมจากตัวหูฟัง ก็จะเป็นพวกซองสำหรับเก็บหูฟัง และก็ที่เป็นเหมือนกับ adapter ที่จะใช้ฟังเพลงบนเครื่องบินครับ “ลักษณะจะเป็นหัวแจค 2 ขา”

มาดูรูปเต็มๆกันเลยละกันครับ ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปกล่องสินค้านะครับ ได้แต่ตัวสินค้ามา แต่ก็ขอนำรูปประกอบจากอินเตอร์เนตมาร่วมด้วยครับ

Image
แพคเกจสีดำมาแบบขรึมๆ และดูดีมากในสายตาของผมนะครับ เพราะว่าในหูฟัง earbud ผมไม่เคยเจอหูฟังที่มีรูปแบบแพคเกจสวยเท่านี้เลย
Image
นี่ก็หลังจาก unbox ออกมานะครับ ดูอลังการงานสร้างดีเหมือนกัน
Image
นี่คือซองใส่หูฟัง กับที่เก็บหูฟังครับ แยกกันออกมาให้เห็นชัดเจน ดูมีคลาสจริงๆ
Image
อีกด้านครับ จะเห็นว่ามี adapter แอบอยู่ข้างหลังด้วย
Image
zoom เข้ามาครับ นี่คือตัว driver ของหูฟัง ดูทนทานแข็งแรงมากครับ
Image
หงายท้องมาดูครับ ดูดีมีชาติตระกูลจริงๆ
Image
มองตามลงมานะครับ นี่คือตัวปรับเสียงหูฟังครับจะใช้เป็นลักษณะของ เลื่อนขึ้น-ลง เอานะครับ อันนี้ก็น่าจะสะดวกสบายดีสำหรับสาวกชอบฟังเพลงครับ
Image
เลื่อนลงมาจนสุดนะครับ นี่คือส่วนของหัวแจคของหูฟัง เป็นหัวขนาด 3.5mm. นะครับ ซึ่งจุดเด่นของเจ้าตัวนี้ คือมันสามารถหมุนเปลี่ยนเป็นแบบแจคตัว L ได้ครับ ซึ่งเหมาะสำหรับเครื่องเล่น mp3
หรือจะเป็นพวก ipod ipad iphone ต่างๆก็ว่ากันไปครับ
Image
แหนะ มีสะบัดหน้ามามองกล้องด้วย นี่คือเปลี่ยนเป็นแบบตัว L แล้วนะครับ

Image

ตัวแพคเกจ มันแตกต่างจริงๆครับ ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังจะแกะหูฟัง full-size หรูๆซักตัวอย่างไงอย่างงั้น มาในมาดผู้ดีจริงๆครับ ซึ่งถ้าจะหิ้วเจ้าสุดหล่อนี่มาได้
ก็ต้องเป็นผู้ดีเช่นกันครับ ยาจกกินข้าวแกงไปวันๆอย่างไวกิ้ง ได้แต่ชะเง้อมองครับผม TT’

ตอนที่ได้สัมผัสตอนแรกนี่แบบว่า “คลาสสิค” ครับ รูปทรงไม่มีอะไรที่แปลกประหลาดเหมือนหูฟังปัจจุบันนี้เลย ได้ความรู้สึก earbud แบบดั้งเดิม แต่ก็แฝงไปด้วยความหนาแน่นของวัสดุที่กระซิบมาบอกผมในใจแล้วว่า
“ข้าไม่พังง่ายๆหรอก เจ้าไวกิ้งเอ๋ย .. ” ครับ ยอมรับว่ามันดูแข็งแรงมากจริงๆ เอามาชนกันมีเสียงเหมือนเหล็กชนกันเลยครับ ไม่มีคำว่า ก๊องๆแก๊งๆ กับหูฟังตัวนี้เลยแม้แต่นิดเดียว TT’

รวมทั้งความส่วนอื่นๆของหูฟัง ก็ตามในรูปเลยครับ แข็งแรง บึกบึน ดูดีมีชาติตระกูลจริงๆ แต่ผมสงสัยอย่างหนึ่งว่า “แล้วที่หนีบกับเสื้อมันหายไปไหนฟ่ะ” แต่พอลองใส่ดูก็แบบ อ่อ มันไม่ใช่ตัวหนีบครับ
แต่ลักษณะมันเป็นแบบ “เหน็บกับเสื้อ” ซึ่งก็แปลกไปอีกแบบครับ แต่จากที่ใช้จริงๆ ผมก็ไม่เอามันมาเหน็บกับเสื้อเลยครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ห้าๆ

Image

คราวนี้เอามาเสียบกับ PC แล้วนะครับ จากที่ฟังเพลงมาคร่าวๆ เล่นเกมส์มาหน่อยๆ ก็แบบว่า “ลืมตัว” ไปชั่วขณะครับ ว่าผมใส่ earbud อยู่นะ ไม่ได้ใส่ full-size
รายละเอียดเสียง ต่างๆมาในรูปแบบที่ว่า “จัดเต็ม” ครับ ย่านเสียง และรายละเอียดเสียงที่ส่วนใหญ่เจ้า earbud จะไม่ค่อยมีนัก แต่กับเจ้าตัวนี้ มีมาในระดับที่ “เกินคาด” ครับ และด้วยความที่ใส่สบายกว่า full-sizeแน่นอนอยู่แล้ว
ก็เลยได้ความรู้สึกที่ “ชิลล” อย่างบอกไม่ถูกเลยละครับผม สำหรับย่านเสียง ผมขอบอกว่ามันน่าจะไปในลักษณะของ flat เอนไปทาง dark ครับ ได้ความรู้สึกว่า “ทุกย่านเสียงเท่ากันหมด และเด่นเท่ากันทั้งหมด” ครับ
แต่ว่าตัวนี้จะได้ feel ประมาณว่า “ไม่มีเสียงไหนหลบซ่อน ทุกอย่างเปิดออกมาเต็มๆครับ” ทุกย่านเสียงขับออกมาแบบจัดเต็มทุกย่านและไม่มีไปกินหรือทับซ้อนกับย่านอื่นเลยครับ แยกเสียงอยู่ในระดับที่ดีมาก ในขณะที่ stage ก็กว้างมากเช่นกัน
เรียกได้ว่า ตบ full-size หลายๆตัวที่ผมเคยฟังได้ในชนิดที่ว่า “ล้มในหมัดเดียว” เลยครับผม แต่เรื่องเบสก็ยอมรับว่า มันสู้ full-size ยังไม่ได้ ในเรื่องของพวก impact ครับ มันไม่ได้ตุ๊บๆ ขนาดโดนใจชาวร็อค
แต่ว่าเสียงเบสก็แยกออกมาเป็นลูกๆชัดเจนมากมายครับ หลังจากฟังเจ้าตัวนี้และก็กลับไปฟัง sennheiser HD555 ของกระผมเอง ก็ให้ความรู้สึกว่า “อายเจ้า mx980 เล็กน้อยครับ” ตัวใหญ่ซะเปล่า แต่พอฟังแล้วแทบไม่แตกต่างกันเลย
แถมในบางจังหวะ เจ้า mx980 ทำออกมาได้ดีกว่าซะด้วย แต่พอดูหนังแล้วก็ยังได้สะใจเล็กน้อยครับ ” full-size ก็ยังเหนือกว่าจริงๆ” สำหรับการปิดเสียงรอบข้างก็ตามสไตล์ earbud นะครับ ไม่ได้ปิดถึงขั้นอู้อี้ แต่ก็ปิดจนถึงขั้นเสียงรอบข้างไม่เข้ามามากเกินไปครับผม

เอาละ ต่อมาก็เข้าสู่ประเด็นหลักนะครับ เทสเสียงด้วยการใช้งาน 3 ระดับ ฟังเพลง , ดูหนัง , เล่นเกมส์ ครับผม

ฟังเพลง ผมอยากจะบอกว่า เหมาะมากในการฟังเพลงแนว pop , live หรือเพลงช้าๆเพราะๆ ที่เน้นเสียงร้อง หรือไม่ก็ทำนองที่ฟังแล้วชิลๆ ครับ ฟังตัวนี้เวลาว่าง ผมรับประกันครับ มันจะเคลิ้มจนลืมโลกไปเลยทีเดียว
แต่สำหรับชาวร็อคก็อย่าผิดหวังและน้อยใจจนต้องปิดกระทู้ไปนะครับ เจ้าตัวนี้ให้เสียงเบสที่เป็นลูกๆชัดเจน ซึ่งเวลาฟังเพลงก็จะได้มันส์ไปอีกแบบครับ แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบฟังเบสกระแทกๆ หูต้องสะเทือนซัก 4.5ริกเตอร์
ก็ต้องทำใจและไปซื้อ full-size ละกันครับ earbud ทำได้เท่านี้จริงๆ สุดเขตของหูฟังลักษณะนี้แล้ว สำหรับการฟังเพลง ผมว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวจริงๆ

ดูหนัง ผมไม่เคยคิดว่าหูฟังพวก earbud หรือ in-ear จะเอามาดูหนังได้ซักเรื่อง แต่พอเอาสุดหล่อนี่มาเทสแล้วก็ต้องชะงักครับ อย่างที่ผมบอกตอนแรกว่าเขามาแบบ “จัดเต็ม” ในการดูหนังก็เช่นกันครับ
ผมเทสด้วยหนังเรื่อง Tranformer 1-2 ( แอบสารภาพว่าดูภาค 3 แบบซูมด้วย แต่ไม่เอามาใช้ในการรีวิวนะครับ ) , Step up 1-3 , The lord of the ring trilogy 3 ภาค
และก็ Titanic , The Last Samurai และก็จบด้วย Independence Day ( ID4 ) ครับ ที่ดูหลายเรื่องเพราะผมมีเวลากับหูฟังตัวนี้เยอะพอควร และก็อยากจะดูหลายๆเรื่อง เพื่อให้ได้หลายๆบรรยากาศครับผม
ซึ่งจากที่ผมดูมาทั้งหมดก็ยอมรับว่าผ่านฉลุยครับ รายละเอียดเสียงทำออกมาได้ดีมาก เสียงไม่มีอู้ๆในหูเหมือนพวก earbud + in-ear ทั่วๆไป ( ที่ผมคิดว่าหูฟังพวกนี้ไม่เหมาะก็เพราะเรื่องนี้ ) รวมทั้งย่านเสียงอื่นๆ ทำหน้าที่ของมันมาได้อย่างดีมากครับ
stage กว้าง ไม่มีอู้ ไม่มีแอบ มาแบบจัดเต็มจริงๆครับ ได้ feel ร่วมกับหนังได้ดีมากครับ ยอมรับเลยว่า ในบางครั้ง มันได้ความรู้สึกที่ดีกว่าใส่ full-size ซะด้วยครับ เพราะมันไม่ได้กดหัวของเรา ฉะนั้นการดูมาราธอนยาวๆก็ย่อมเป็นไปได้อย่างสบายมากๆครับ
แต่อาจจะไม่เหมาะเพราะอาจจะโดนคนข้างๆกระทืบเอาได้ครับ ข้อหาวันๆไม่ทำอะไรนอกจากดูหนัง 555+ สำหรับการดูหนัง ผมว่าตัวนี้ยอดเยี่ยมมากครับ

และสุดท้ายก็นำมาเล่นเกมส์ครับ พอลองฟังเสียงในเกมส์ทั่วไปที่ผมเล่นอยู่ประจำก็คือ SF , CS ,
call of duty modern warfare 2 , Battle Field Bad Company 2 ผลจากการทดลองก็ได้ความรู้สึกในลักษณะที่
“เหมือนกับหูฟัง full-size” ครับ ย่านเสียงที่เคยแคบๆของหูฟังพวก earbud + in-ear หายไปเลยเมื่อใช้เจ้าตัวนี้ เสียงระเบิด
เสียงวิ่ง เสียงกระทบวัตถุ เรียกได้ว่ามาแบบจัดเต็มครับ นอกจากนี้ย่านการรับเสียง ยังกว้างกว่าหูฟังอื่นๆด้วยครับ เรียกว่า “โกง”
เมื่อใช้แข่งขันก็ว่าได้ครับ เพราะได้ยินเสียงกว้างกว่าที่เคยได้ยินทั่วไปมากมาย จริงๆ ทำเอาได้เปรียบไปหลายขุมเลยครับ
ยิ่งหากอยู่ในหูของ player ที่มีความสามารถเรื่องการแยกเสียงที่ดีแล้วละก็ มันคงเป็นคู่หูป่วนเกมส์ ที่อันตรายมากสำหรับคู่ต่อสู้
ของคุณแน่นอนครับผม สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมมองว่าเจ้าตัวนี้ยอดเยี่ยมในการเล่นเกมส์อย่างมากจนถึงมากที่สุดครับ

หลังจากเทสจนจบจนสิ้นกระบวนท่าแล้ว กระผมก็ต้องคุกเข่ายอมรับในความเทพของมันแล้วครับว่า “สมแล้วที่เป็นหูฟัง earbud ที่เทพที่สุด” แต่ถ้าเกิดเป็นนักเลงหูฟังจริงๆจะทราบครับว่า หูฟังที่ดีที่สุดจริงๆแล้วนั่นคือ PK1 ครับ แต่ว่าเจ้า PK1 นี้ความต้องการมันสูงมากครับ ต้องต่อแอมป์ที่ดีมากๆ ถึงจะขับเสียงออกมาได้ในระดับที่ดีมากๆ จนถึงดีที่สุดในซีรี่ earbud ดังนั้น คนทั่วไปรวมทั้งนักเลงหูฟังหลายๆท่านจึงมีความเห็นที่เอนเอียงไปในทาง mx980 มากกว่า เนื่องจากเจ้าตัวนี้ “แค่เสียบ ก็เสียวแล้ว” ไม่ต้องใช้แอมป์ใดๆก็ขับเสียงในระดับที่สุดยอดพอๆกับ PK1 ในระดับที่ต่อแอมป์ระดับกลางๆได้ครับ
ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการใช้งานจริงๆ ประเภทเสียบแล้วลุย เจ้า mx980 ก็กินขาดกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ ซึ่งก็ได้ใจทุกคนที่ได้สัมผัสเช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือตัวกระผมเองนี่แหละครับ